7 เรื่องระบบเกียร์ควรเช็ก ต้องนำรถเข้าอู่ซ่อมโตโยต้าทุกปี

7 เรื่องระบบเกียร์ควรเช็ก ต้องนำรถเข้าอู่ซ่อมโตโยต้าทุกปี

ประโยชน์และความสำคัญของการเช็กระบบเกียร์เมื่อต้องนำรถเข้าอู่ซ่อมโตโยต้า

โดยปกติแล้วเมื่อเราใช้รถยนต์ไปตามระยะเวลาหรือระยะทางทุก ๆ 30,000 – 60,000 กิโลเมตร หรือทุก 2-3 ปี ก็ควรนำรถยนต์เข้าอู่ซ่อมโตโยต้าเพื่อเช็กสภาพในส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง, น้ำมันและผ้าเบรก ไปจนถึงการตรวจเช็กระบบเกียร์ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมาก เพราะเกียร์เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการขับขี่ของคุณนั่นเอง นอกจากนี้การดูแลระบบเกียร์รถยนต์ให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติก็ยังมีข้อดีอีกหลายประการอีกด้วย

ข้อดีของการหมั่นเช็กระบบเกียร์รถยนต์ที่อู่ซ่อมที่เชี่ยวชาญ

  • ช่วยลดการสึกหรอของชิ้นส่วนภายในเกียร์ ทำให้เกียร์มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
  • สามารถป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น เช่น การรั่วซึมของน้ำมันเกียร์ หรือการสึกหรอของชิ้นส่วนภายใน เป็นต้น
  • ช่วยให้รถยนต์ทำงานได้ในระดับประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้การขับขี่นุ่มนวลและมีพลัง
  • ช่วยให้คุณใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะระบบเกียร์ที่ทำงานได้อย่างถูกต้องช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ในช่วงการใช้เชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพที่สุด จึงสามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกทางหนึ่ง
  • การนำรถยนต์เข้าอู่ซ่อมโตโยต้าตรวจเช็กระบบเกียร์อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมในระยะยาวได้
  • ระบบเกียร์ที่ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจะทำให้การขับขี่นุ่มนวลและไม่กระตุก จึงช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ได้

ระบบเกียร์รถยนต์มีกี่ประเภท? 

ระบบเกียร์รถยนต์ในปัจจุบันนั้นมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและวิธีการทำงานที่แตกต่างกันไป เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในการขับขี่ที่หลากหลาย ดังนี้

  1. เกียร์ธรรมดา (Manual)
    เกียร์ธรรมดา คือ เกียร์ที่ผู้ขับต้องเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเองโดยใช้คลัตช์และคันเกียร์ ซึ่งเป็นระบบเกียร์ที่ใช้กันมาตั้งแต่อดีต แม้ว่าหลายคนที่ไม่ค่อยชำนาญในการขับขี่รถยนต์ระบบนี้จะมองว่ายุ่งยากและไม่สะดวกในการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น แต่ก็มีข้อดีหลายประการที่หลายคนที่มีความชำนาญระบบเกียร์ Manual แล้วต่างยอมรับว่าสามารถควบคุมการขับขี่ได้มากขึ้น 

    นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดน้ำมัน บำรุงรักษาง่ายและค่าซ่อมไม่สูงมาก รวมถึงข้อดีอีกประการที่โดดเด่นเลย คือ ในกรณีที่แบตเตอรี่รถยนต์หมดหรือมีปัญหา รถเกียร์ธรรมดายังสามารถใช้วิธีเข็นสตาร์ตแบบคลาสสิกได้ ส่วนรถที่เป็นเกียร์ระบบอื่น

  2. เกียร์อัตโนมัติ (Automatic)
    เกียร์อัตโนมัติ เป็นระบบการเปลี่ยนเกียร์โดยอัตโนมัติตามความเร็วและโหลดของเครื่องยนต์ จึงสร้างความง่ายและความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ เพราะไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเอง เหมาะกับการขับขี่ในกรุงเทพฯ ที่การจราจรติดขัด แต่หากรถยนต์มีปัญหาจนต้องเข้าอู่ซ่อมโตโยต้าอาจจะเสียค่าบำรุงรักษาที่ซับซ้อนและอาจมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าระบบเกียร์ธรรมดานั่นเอง 


    ระบบเกียร์อัตโนมัติที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ สามารถแบ่ง 3 ประเภท ได้แก่
    • เกียร์อัตโนมัติ CVT (Continuously Variable Transmission) จะเป็นเกียร์ที่ใช้ระบบสายพานและพูลเลย์ในการเปลี่ยนแปลงอัตราทดเกียร์อย่างต่อเนื่อง ที่จะช่วยทำให้การเร่งความเร็วเป็นไปได้อย่างราบรื่นนุ่มนวล และประหยัดน้ำมันได้มากกว่าเกียร์อัตโนมัติทั่วไป จึงเป็นที่นิยมสำหรับรถเก๋ง 4 ประตูทั่วไป
    • เกียร์อัตโนมัติดูอัลคลัตช์ (Dual-Clutch Transmission – DCT) จะเป็นเกียร์ที่ใช้ระบบคลัตช์คู่ในการเปลี่ยนเกียร์อย่างรวดเร็ว, ราบรื่น, ประหยัดน้ำมันแต่มีประสิทธิภาพสูง จึงนิยมใช้ในรถที่มีสมรรถนะสูง ๆ เช่น รถที่ใช้ในสนามแข่ง แต่การเข้าอู่ซ่อมโตโยต้าเพื่อซ่อมหรือบำรุงรักษาก็ซับซ้อนและมีราคาสูงด้วยเช่นกัน
    • เกียร์อัตโนมัติ Torque Converter เป็นเกียร์อัตโนมัติยุคแรกที่เราใช้กันมายาวนานก่อนจะมีเกียร์อัตโนมัติประเภทอื่น ๆ โดยเกียร์ประเภทนี้จะใช้ชุดทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ที่ทำงานร่วมกับน้ำมันเกียร์เพื่อส่งพลังงานเปลี่ยนเกียร์ทดแทนการใช้คลัทช์ในระบบเกียร์แบบ Manual ซึ่งน้ำมันเกียร์จะถูกส่งไปยังชิ้นส่วนที่เชื่อมกับเพลาข้อเหวี่ยงที่ติดกับเครื่องยนต์ 

7 สิ่งสำคัญของระบบเกียร์ที่คุณควรเช็กเมื่อต้องนำรถยนต์เข้าอู่ซ่อมโตโยต้า

  1. ตรวจสอบน้ำมันเกียร์
    ตรวจสอบน้ำมันเกียร์โดยจะต้องตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์และคุณภาพของน้ำมันเกียร์ ซึ่งที่อู่จะต้องใช้ก้านวัดน้ำมันเกียร์ (สำหรับเกียร์อัตโนมัติ) ตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์ให้อยู่ในระดับที่ถูกต้อง พร้อมทั้งน้ำมันเกียร์ควรมีสีใสและไม่มีกลิ่นไหม้ หากพบว่ามีปัญหาให้ทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ใหม่ทันที
  2. การตรวจสอบการรั่วซึมของน้ำมันเกียร์
    ทั้งจากเกียร์และสายยางต่าง ๆ หากพบการรั่วซึม จะต้องรีบให้อู่ซ่อมโตโยต้าทำการซ่อมแซมให้กลับมาในสภาพที่ดี นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบการสึกหรอของสายพานและโซ่เกียร์ว่ามีความเสียหายหรือไม่ร่วมด้วย
  3. การตรวจสอบกลไกการทำงานของเกียร์ 
    ทดสอบการเปลี่ยนเกียร์ทุกตำแหน่งว่ามีความราบรื่นหรือไม่ รวมถึงการทำงานของเซนเซอร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเกียร์ เช่น เซนเซอร์ตำแหน่งเกียร์และเซนเซอร์ความเร็ว เป็นต้น สำหรับรถเกียร์ธรรมดา ควรตรวจสอบการทำงานของคลัตช์ด้วยว่ามีการลื่นหรือกระตุกหรือไม่ หากพบปัญหาให้รีบปรึกษาอู่ซ่อมโตโยต้าเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็ว
  4. การตรวจสอบระบบระบายความร้อนของเกียร์ 
    ตรวจสอบระบบระบายความร้อนของเกียร์ด้วยการตรวจสอบสภาพของหม้อน้ำเกียร์ว่ามีการอุดตันหรือไม่ รวมถึงระดับน้ำหล่อเย็นและการทำงานของระบบระบายความร้อนว่ายังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ด้วย
  5. การตรวจสอบระบบอิเล็กทรอนิกส์ (สำหรับรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ) 
    อู่ซ่อมโตโยต้าจะใช้เครื่องสแกน OBD-II เพื่ออ่านโค้ดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบเกียร์ และสามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุด พร้อมกับตรวจสอบไฟเตือนบนหน้าปัดรถว่ามีไฟเตือนเกี่ยวกับระบบเกียร์หรือไม่ 
  6. ตรวจสอบและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะ
    หากถึงระยะเวลาที่กำหนดในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์คือประมาณทุก ๆ 30,000 – 60,000 กิโลเมตร ให้รีบนำรถยนต์ไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ใหม่ รวมถึงการกรองน้ำมันเกียร์ใหม่หากพบว่าน้ำมันเกียร์สกปรกหรือถึงเวลาเปลี่ยน เป็นต้น
  7. ทดสอบการทำงานของเกียร์ขณะขับบนท้องถนน 
    ขับรถทดสอบในสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย เช่น การขับขึ้นลงเนิน การขับในความเร็วที่แตกต่างกัน เพื่อทดสอบการทำงานของเกียร์ในสถานการณ์ต่าง ๆ และการฟังเสียงความผิดปกติจากเกียร์ขณะขับรถเวลาเปลี่ยนเกียร์ ว่ามีเสียงกระตุกหรือเสียงผิดปกติหรือไม่? รวมถึงการตอบสนองของเกียร์ด้วยคือ เมื่อเปลี่ยนเกียร์รถควรตอบสนองทันที หากมีความล่าช้าหรือไม่ตอบสนองอาจเกิดจากปัญหาในระบบเกียร์ได้ นั่นเอง

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญกับการตรวจเช็กระบบเกียร์ของรถยนต์ เพื่อประสิทธิภาพในการขับขี่และความปลอดภัยของคุณบนท้องถนนด้วย นอกจากนั้นการบำรุงระบบเกียร์และนำรถไปตรวจสภาพที่อู่ซ่อมโตโยต้าอยู่เสมอ จะช่วยชะลอการสึกหรอและยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าก็จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่สามารถเกิดขึ้นได้บ่อย จากการเสื่อมสภาพของอะไหล่รถยนต์ที่ไม่ได้ตรวจเช็กและบำรุงรักษาอย่างถูกวิธี นั่นเอง

หากคุณกำลังมองหาอู่ซ่อมโตโยต้า ที่ HybridCar (ประเทศไทย) เรายินดีให้บริการทั้งการซ่อมบำรุงด้วยประสบการณ์การทำงานมากกว่า 20 ปี ดูแลเรื่องรถไฮบริดอย่างครอบคลุม ซ่อมปั๊ม abs ซ่อมรถนำเข้าหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Camry Alphard ฯลฯ พร้อมรับประกันคุณภาพอะไหล่โตโยต้าแท้ มีบริการส่งด่วนใน 1 วัน เพียงแจ้งรุ่นรถหรือเลขตัวถังแจ้งอะไหล่ที่ต้องการและรอรับได้เลย เรามีบริการจัดส่งถึงหน้าบ้าน

หากสนใจสามารถแอดไลน์มาสอบถามราคาหรือประเมินค่าอะไหล่ก่อนได้ที่

อู่ซ่อมรถ toyota

"เปิดบริการทุกวัน เวลาทำการ 09:00-18:00 น."
Line :
@hybridcar  โทร : 02-098-2465
Facebook :  HybridCar.co.th

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *