ใช้งานรถหน้าฝนให้ปลอดภัย ด้วยสุดยอดเทคนิคจากอู่ซ่อมรถไฮบริด

คำแนะนำจากอู่ซ่อมรถไฮบริด 7 วิธีขับรถไฮบริดในหน้าฝนอย่างไรให้ปลอดภัย

อย่างที่ทราบกันดีว่าถึงหน้าฝนทีไร ไม่ใช่แค่ปัญหาการจราจรติดขัดมากขึ้น แต่ก็สามารถพบอุบัติเหตุจากการขับขี่บนท้องถนนได้มากขึ้นอีกด้วย สืบเนื่องมาจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและสภาพถนนที่ลื่น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุมาจากการควบคุมรถยากขึ้นเพราะถนนลื่น ฝนตกหนัก หรือกระจกขึ้นฝ้าทำให้มีทัศนวิสัยในการขับขี่ต่ำ

แม้กระทั่งการขัดข้องของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไฮบริดที่มีเรื่องระบบไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เป็นอย่างมากช่วงหน้าฝน บทความนี้ Hybridcar ประเทศไทย ในฐานะอู่ซ่อมรถไฮบริด เรามีเทคนิคในการใช้งานและการขับขี่รถไฮบริดช่วงฤดูฝนมาฝากกัน

7 เคล็ดลับการขับขี่จากอู่ซ่อมรถไฮบริด ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในหน้าฝน

โดยเฉพาะช่วงที่ฝนตก 10 นาทีแรกจะเป็นช่วงที่รถมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดจากการลื่นไถลมากที่สุด เพราะน้ำฝนจะชะล้างคราบน้ำมันและฝุ่นละอองที่ติดอยู่บนพื้นถนน ทำให้เกิดเป็นเสมือนแผ่นฟิล์มฉาบอยู่บนผิวถนน อาจส่งผลให้รถลื่นและเสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุได้

  1. ตรวจสอบสภาพรถก่อนออกเดินทาง
    การตรวจสอบสภาพรถ เช่น เช็กยางรถว่ามีความดันและดอกยางที่เหมาะสมหรือไม่ ตรวจสอบไฟหน้า ไฟท้ายและไฟเลี้ยวให้แน่ใจว่าใช้งานได้ดี รวมถึงตรวจสอบที่ปัดน้ำฝนให้อยู่ในสภาพดีและใช้งานได้เป็นปกติ ก่อนออกเดินทางขับขี่บนท้องถนน
  2. ตรวจสอบระบบไฟฟ้าและการทำงานของแบตเตอรี่
    ตรวจสอบระบบไฟฟ้าของรถไฮบริดให้แน่ใจว่าอยู่ในสภาพดี เพราะความชื้นอาจมีผลต่อระบบไฟฟ้าได้ ส่วนการตรวจสอบระบบการทำงานของแบตเตอรี่ไฮบริดให้แน่ใจว่าอยู่ในสภาพดี เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากความชื้นได้เช่นเดียวกัน
  3. เปิดระบบช่วยเบรกและใช้โหมดการขับขี่ที่เหมาะสม
    หากรถของคุณมีระบบช่วยเบรก (ABS) หรือระบบควบคุมการทรงตัว (ESC) ให้เปิดใช้งานเพื่อช่วยในการเบรกอย่างปลอดภัย เพราะระบบเหล่านี้ช่วยในการควบคุมรถเมื่อเบรกและลดโอกาสที่รถจะลื่นไถลได้ นอกจากนั้นรถไฮบริดยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกหลายแบบ โดยอู่ซ่อมรถไฮบริด แนะนำให้ใช้โหมด Eco หรือ EV ที่ช่วยประหยัดพลังงานและเพิ่มความปลอดภัยของการขับขี่ในหน้าฝนได้อีกด้วย เพราะระบบนี้จะใช้ความเร็วต่ำในการขับขี่ จึงช่วยให้คุณควบคุมรถในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดีมากขึ้นด้วย
  4. ใช้เบรกอย่างระมัดระวังและรักษาระยะห่างในการขับขี่
    การขับรถหน้าฝนควรเว้นระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า โดยควรเว้นระยะให้เป็นสองเท่าของระยะห่างปกติ เพื่อหลีกเลี่ยงการเบรกกะทันหันบนท้องถนนที่ลื่น และอาจเสียการทรงตัวจนเบรกไม่อยู่และลื่นไถลไปชนท้ายรถคันหน้าได้นั่นเอง
  5. หลีกเลี่ยงการขับรถตามหลังรถใหญ่และเพิ่มความระมัดระวังในทางโค้ง
    เพราะการขับรถตามรถบรรทุกหรือรถใหญ่ประเภทอื่น ๆ อาจมีน้ำกระเด็นใส่กระจกหน้ารถของคุณทำให้ทัศนวิสัยแย่ลงได้ นอกจากนั้น เมื่อจะต้องขับผ่านทางโค้งให้คุณลดความเร็วลงก่อนเข้าโค้งและค่อย ๆ เร่งความเร็วเมื่อออกจากโค้ง ก็จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้มากขึ้น
  6. หลีกเลี่ยงการใช้ระบบคันเร่งอัตโนมัติ
    เมื่อคุณจะต้องขับรถฝ่าฝนที่ตกหนักอู่ซ่อมรถไฮบริด แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการใช้ระบบคันเร่งอัตโนมัติ เพราะจะช่วยเพิ่มความควบคุมในการขับขี่ให้ดีขึ้นได้
  7. หลีกเลี่ยงการขับรถผ่านน้ำท่วม
    ความจริงแล้ว รถยนต์ไฮบริดสามารถขับรถผ่านน้ำท่วมเวลาฝนตกได้ แต่ปริมาณความลึกที่รถไฮบริดสามารถลุยได้นั้นไม่เท่ากัน ซึ่งหากคุณอยากทราบให้แน่ชัดว่ารถยนต์ของคุณสามารถลุยน้ำได้ในความลึกเท่าไหร่ ให้ตรวจสอบได้ที่สมุดคู่มือการใช้รถยี่ห้อนั้น ๆ และหากว่าคุณไม่มั่นใจว่าน้ำลึกแค่ไหน ให้หลีกเลี่ยงการขับผ่านน้ำท่วมไปเลยจะดีกว่า เพราะเสี่ยงต่อการทำให้เครื่องยนต์เสียหายหรือน้ำอาจเข้าสู่ระบบไฟฟ้าและทำให้เกิดความเสียหายได้

คำแนะนำจาก อู่ซ่อมรถไฮบริด หากต้องขับรถยนต์ไฮบริดผ่านฝนที่ตกหนัก ๆ หรือมีน้ำท่วมขัง ควรทำดังนี้

มีบางครั้งที่เราจะพบได้ว่า เมื่อมีฝนตกหนักสามารถทำให้รถยนต์ไฮบริดดับได้ในบางกรณี แต่โดยทั่วไปแล้ว รถยนต์ไฮบริดที่ออกแบบมาอย่างดีจะมีระบบป้องกันน้ำเข้าและสามารถทนต่อสภาพอากาศที่เปียกได้ อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยบางประการที่อาจทำให้รถดับได้ เช่น :

  • ขับผ่านน้ำท่วมสูง การขับรถในสภาพฝนตกหนักหรือพื้นที่ที่มีน้ำขังนาน ๆ อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อส่วนประกอบของรถ เช่น ระบบไฟฟ้า สายพานหรือเบรก สามารถทำให้เครื่องยนต์หรือระบบไฟฟ้าขัดข้องได้
  • รถไม่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม เช่น การตรวจสอบและเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนที่สึกหรอ อาจทำให้เกิดปัญหาเมื่อขับในสภาพอากาศชื้นหรือมีน้ำท่วมขัง

การป้องกันการดับของรถไฮบริดในสภาพฝนตกหนัก สามารถทำได้ดังนี้

  • ถ้าจำเป็นต้องขับผ่านน้ำท่วม ควรตรวจสอบระดับน้ำก่อนว่ามีความลึกอยู่ที่เกินกว่าครึ่งล้อรถหรือไม่ เพราะถ้าเกินจากครึ่งล้อไป น้ำอาจเข้าไปทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย และหลีกเลี่ยงการจอดรถในน้ำ ถ้าจำเป็นต้องหยุดรถ ควรหาพื้นที่ที่แห้งและปลอดภัย
  • ขับรถอย่างระมัดระวัง โดยการลดความเร็วและรักษาระยะห่างจากรถคันอื่นในสภาพฝนตกหนัก หากจะต้องผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วมขังให้ขับรถอย่างช้า ๆ และสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าสู่ระบบไอเสียและเครื่องยนต์
  • ถ้ารถเกิดดับกลางฝนตกหนัก ควรนำรถเข้าศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถไฮบริด เพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหาโดยเร็ว
  • ตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าและเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอหลังขับผ่านน้ำ เมื่อขับผ่านน้ำท่วมแล้ว ควรนำรถไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการเพื่อดูว่ามีความเสียหายต่อระบบไฟฟ้าหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในหน้าฝนครั้งต่อไปนั่นเอง

สรุปได้ว่าช่วงหน้าฝนเป็นช่วงเวลาที่ผู้ขับขี่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากสภาพอากาศที่เปียกและถนนที่ลื่น จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย การขับรถในหน้าฝนจึงต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น โดยการเตรียมความพร้อมของรถยนต์และการมีเคล็ดลับในการขับรถช่วงหน้าฝนอย่างถูกวิธี จากผู้รู้หรืออู่ซ่อมรถไฮบริด โดยเฉพาะจะช่วยให้การเดินทางในช่วงฝนตกเป็นไปอย่างราบรื่น และเพิ่มความปลอดภัยของผู้ขับขี่เองและผู้ใช้ถนนคนอื่น ๆ

หากคุณต้องการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ไฮบริด เพื่อเตรียมรับมือกับหน้าฝนนี้ ที่ HybridCar ประเทศไทย เราเป็นอู่ซ่อมรถไฮบริดโดยเฉพาะ มีประสบการณ์ในการซ่อมรถ Hybrid มาแล้วกว่า 20 ปี หากท่านพบปัญหาในการใช้รถโตโยต้า ไม่ว่าจะเป็นระบบไฮบริดหรือขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงแบบปกติ เรายินดีให้บริการและจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรถของท่านเป็นอย่างดี

 

หากสนใจสั่งซื้อหรือเปลี่ยนอะไหล่แท้โตโยต้ากับอู่ซ่อมรถไฮบริด
สามารถสอบถามราคาหรือประเมินค่าอะไหล่ก่อนได้ที่

โทร : 093 995 2465
Facebook : HybridCar.co.th
Line : @hybridcar
Instagram : hybridcar.co.th

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *